Categories
ข่าวการเมือง ข่าวประเด็นร้อน

อ.วรพล พรหมิกบุตร ข้อเสนอสมานฉันท์จากพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรและ นปช. ไม่ใช่เรื่อง “ส่วนตัว” โดยแท้

ข้อเสนอสมานฉันท์จากพ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตรและ นปช. ไม่ใช่เรื่อง “ส่วนตัว” โดยแท้

รองศาสตราจารย์ ดร. วรพล  พรหมิกบุตร

(นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตยและสันติวิธี)

คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

                ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒  ตัวแทนและที่ปรึกษาทางกฎหมายของ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ  ชินวัตร (ดร. นพดล  ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พรรคพลังประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๑) ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับข้อเสนอวิธียุติความขัดแย้งทางการเมืองของไทยตามความเห็นของ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ  ชินวัตร ว่าสามารถทำได้โดยการเจรจาประนีประนอมให้มีผลทางปฏิบัติ ๓ เรื่อง คือ (๑) ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ และนำรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ กลับมาบังคับใช้ (๒) ยุบสภา และ (๓) จัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ; ในช่วงเวลาเดียวกัน ตัวแทน “นปช.” (คุณ จตุพร  พรหมพันธุ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย) แถลงต่อสื่อมวลชนถึงแนวทางการสมานฉันท์ทางการเมืองคล้ายคลึงกันข้างต้น โดยกล่าวย้ำว่าควรจะต้องมีการทำสัตยาบันจากทุกฝ่ายที่ขัดแย้งกันว่าจะเคารพผลการเลือกตั้งทั่วไปภายหลังการนำรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ กลับมาใช้ และภายหลังการยุบสภาข้างต้น

                หลังจากสื่อมวลชนไทยเผยแพร่ข้อเสนอแนวทางการเจรจาสมานฉันท์ข้างต้น  แกนนำบริหารรัฐบาลผสมพรรคประชาธิปัตย์ (นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ  เทือสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง) รวมทั้งคณะทำงานใกล้ชิด เช่น นายเทพไท  เสนพงศ์   ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแสดงการคัดค้าน[1]  ตอบโต้  และกระแนะกระแหนข้อเสนอจากพ.ต.ท. ดร. ทักษิณ  ชินวัตร  เช่น  นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าแปลกใจที่พ.ต.ท. ทักษิณ เคยนั่งหัวโต๊ะที่ประชุมพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่บัดนี้เสนอให้นำรัฐธรรมนูญ  ๒๕๔๐ กลับมาใช้

                อย่างไรก็ตาม ประเด็นการคัดค้านและการแถลงตอบโต้ข้อเสนอแนวทางสมานฉันท์จาก พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร ที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ยังคงพยายามตอกย้ำให้สื่อมวลชนไทยนำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนไทยอย่างต่อเนื่องเสมอมา ได้แก่ ข้อกล่าวหาว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร (รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมมวลชนของ “นปช.” ตลอดเวลาที่ผ่านมา) เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของ “คน ๆ เดียว” คือ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของ พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร  (การตอกย้ำครั้งล่าสุดในกรณีนี้ ได้แก่ คำให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ ที่อ้างว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ต้องการสถานะเดิมคืนมา  ต้องการเงินที่ถูกยึดไปคืนมา  และไม่ต้องการรับโทษจำคุก  ซึ่งเป็นความต้องการอยู่เหนือกฎหมาย)

                สาธารณชนไทยจำนวนหนึ่งที่เคย “เชื่อ” หรือคล้อยตาม  หรือแม้แต่เพียงแค่ระแวงสงสัยว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร รวมทั้งการดำเนินกิจกรรมมวลชนของ นปช. ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นการกระทำ “เพื่อพ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร”  หรือเป็นการกระทำ “เพื่อคน ๆ เดียว”  (ตามที่มีการตอกย้ำ  กระทบกระเทียบเปรียบเปรย  และวิพากษ์วิจารณ์จากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายกลุ่มอำนาจรวมทั้งสื่อมวลชนพวกพ้อง)  สามารถตรวจสอบความจริงความเท็จเรื่องนี้ได้อีกครั้งโดยพิจารณาที่ “สาระเนื้อหา” ของข้อเสนอสมานฉันท์จากพ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร (และพวกพ้อง)  กล่าวคือ (๑) นำรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ มาใช้แทนรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐  (๒)  ยุบสภา  (๓) จัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐

                ไม่มีสาระเนื้อหาข้อใดในข้อเสนอสมานฉันท์ ๓ ประการข้างต้นเลยที่เป็นข้อเสนอให้กระทำการเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของพ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร ;   ในทางตรงข้าม, ข้อเสนอทั้ง ๓ ข้อ ล้วนเกี่ยวข้องกับการมีส่วนได้เสียของสาธารณชนไทยโดยส่วนรวมทั้งสิ้น  เช่น  การใช้รัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งย่อมมีผลบังคับครอบคลุมคนไทยทั้งประเทศ  ไม่ใช่ผูกพันกับเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องเฉพาะรายของ “คน ๆ เดียว” ตามที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามคัดค้านการนำรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ กลับมาใช้  ด้วยการให้สัมภาษณ์ตอกย้ำว่าการใช้รัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ เป็นเพียงเพื่อประโยชน์ของ “พ.ต.ท. ทักษิณคนเดียว” ;    การยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ก็เป็นการดำเนินการทางการเมืองสาธารณะ  กล่าวคือ  เป็นการดำเนินกิจกรรมสาธารณะ (public  affairs) ที่เกี่ยวข้องไม่เฉพาะกับประโยชน์ได้เสียของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง  แต่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ได้เสียของประชาชนส่วนรวมทั้งประเทศ

            วันนี้  หากคนไทยรายใดยัง เชื่อ”  หรือแม้แต่ยังคลางแคลงใจว่าข้อเสนอสมานฉันท์จาก พ.ต.ท. ทักษิณ  ชินวัตร และ นปช. ๓ ประการข้างต้น  เป็น ข้อเสนอการเจรจาเพื่อประโยชน์ของ “คน ๆ เดียว”  ตามที่พรรคประชาธิปัตย์และสื่อมวลชนพวกพ้องพยายามประโคมในหนังสือพิมพ์  วิทยุ  โทรทัศน์  และเว็ปไซต์ต่าง ๆ ในเครือข่าย ,  คนไทยคนนั้นอย่างน้อยควรจะต้องตรวจสอบตนเองด้วยว่าได้ “ทำหน้าที่” ตามความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและต่อประโยชน์ของคนไทยโดยส่วนรวม “เพียงพอ” แล้วหรือยังในฐานะที่เกิดมาเป็นคนไทยในแผ่นดินนี้คนหนึ่ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *